ยอดโควิดยังสูงเกิน 2.5 หมื่นราย ดับนิวไฮ 87 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจยังสูงเกิน 500 ราย พบ 62 จังหวัด ยังเกินร้อยราย กทม.พุ่ง 3.3 พันราย ดับ 15 ราย ด้านหนูน้อย 2 ขวบดับอีก ฉีดวัคซีนสะสมทะลุ 127 ล้านโดสแล้ว
เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยยังพบผู้ติดเชื้อใหม่เกินหมื่นรายเป็นวันที่ 43 ในการระบาดระลอกโอมิครอน โดยวันนี้พบติดเชื้อรายใหม่ 25,804 ราย สะสม 3,328,973 ราย หายป่วย 18,801 ราย สะสม 3,067,292 ราย เสียชีวิต 87 ราย สะสม 24,126 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 237,519 ราย อยู่ใน รพ. 72,756 ราย อยู่ รพ.สนาม HI CI 164,763 ราย มีอาการหนัก 1,414 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 512 ราย ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 87 ราย มาจาก 40 จังหวัด ได้แก่ กทม. 15 ราย, สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี ราชบุรี จังหวัดละ 4 ราย, ร้อยเอ็ด พัทลุง ปัตตานี สุพรรณบุรี จังหวัดละ 3 ราย, ชัยภูมิ อุบลราชธานี ตาก พังงา กระบี่ สตูล สงขลา พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี สระบุรี จังหวัดละ 2 ราย และ นครปฐม ปทุมธานี เลย บุรีรัมย์ อุดรธานี ศรีสะเกษ กาฬสินธุ์ หนองคาย สกลนคร แพร่ กำแพงเพชร พะเยา ชุมพร นครศรีธรรมราช ยะลา นครสวรรค์ เพชรบุรี ปราจีนบุรี ชลบุรี และระยอง จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 48 ราย หญิง 39 ราย อายุ 2-98 ปี เฉลี่ย 70 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 95%
ส่วน 10 จังหวัดที่มีรายงานติดเชื้อรายใหม่สูงสุด คือ 1. กทม. 3,335 ราย 2. นครศรีธรรมราช 1,629 ราย 3. ชลบุรี 1,420 ราย 4. สมุทรปราการ 928 ราย 5. สมุทรสาคร 867 ราย 6. นครปฐม 642 ราย 7. ร้อยเอ็ด 623 ราย 8. นนทบุรี 586 ราย 9. นครราชสีมา 551 ราย และ 10. ราชบุรี 545 ราย
สำหรับจังหวัดติดเชื้อถึง 100 รายขึ้นไป ยังมีอีก 52 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา 526 ราย, สงขลา 525 ราย, พัทลุง 502 ราย, ระยอง 480 ราย, บุรีรัมย์ 472 ราย, ขอนแก่น 456 ราย, สุพรรณบุรี 433 ราย, ปทุมธานี 432 ราย, พระนครศรีอยุธยา 401 ราย, เชียงใหม่ 386 ราย, ปราจีนบุรี 348 ราย, ภูเก็ต 323 ราย, กาญจนบุรี 320 ราย, เพชรบุรี 317 ราย, อุดรธานี 306 ราย, สุรินทร์ 303 ราย, มหาสารคาม 298 ราย, สมุทรสงคราม 294 ราย, สตูล 290 ราย, นครสวรรค์ 283 ราย, จันทบุรี 276 ราย, สุราษฎร์ธานี 268 ราย, อุบลราชธานี 267 ราย, ศรีสะเกษ 257 ราย
กาฬสินธุ์ 249 ราย, หนองคาย 249 ราย, ระนอง 240 ราย, ปัตตานี 237 ราย, สระบุรี 224 ราย, ประจวบคีรีขันธ์ 213 ราย, ตรัง 203 ราย, นราธิวาส 198 ราย, อ่างทอง 198 ราย, พิษณุโลก 196 ราย, กระบี่ 193 ราย, ลพบุรี 192 ราย, ยะลา 189 ราย, กำแพงเพชร 185 ราย, สุโขทัย 180 ราย, ชุมพร 179 ราย, สระแก้ว 171 ราย, บึงกาฬ 167 ราย, เลย 159 ราย, สกลนคร 147 ราย, ตาก 143 ราย, ยโสธร 138 ราย, ลำปาง 133 ราย, ชัยภูมิ 124 ราย, ตราด 122 ราย, เพชรบูรณ์ 117 ราย, สิงห์บุรี 110 ราย และ นครนายก 104 ราย ทั้งนี้ มีจังหวัดติดเชื้อหลักหน่วยมีจังหวัดเดียว คือ ลำพูน 2 ราย
ส่วนการติดเชื้อมาจากเรือนจำพบ 58 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 26 ราย ใน 18 ประเทศ ส่วนใหญ่ติดเชื้อประเทศละ 1-3 ราย โดยเข้าระบบ Test&Go 16 ราย แซนด์บ็อกซ์ 3 ราย ระบบกักตัว 5 ราย และลักลอบเข้ามา 2 ราย จากเมียนมา 2 ราย สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-18 มี.ค. 2565 จำนวน 151,183 ราย รายงานติดเชื้อ 1,105 ราย คิดเป็น 0.73% แบ่งเป็นระบบ Test&Go 133,278 ราย ติดเชื้อ 723 ราย คิดเป็น 0.54% แซนด์บ็อกซ์ 15,342 ราย ติดเชื้อ 324 ราย คิดเป็น 2.11% และกักตัว 2,563 ราย ติดเชื้อ 58 ราย คิดเป็น 2.26%
การฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 18 มี.ค. ฉีดได้ 269,172 โดส สะสมรวม 127,068,984 โดส เป็นเข็มแรก 54,777,644 ราย คิดเป็น 78.8% ของประชากร เข็มสอง 50,084,753 ราย คิดเป็น 72% ของประชากร และเข็มสาม 22,206,587 ราย คิดเป็น 31.9% ของประชากร