เจ็บจริงจบจริง

ห้ามประชาชนออกไปเพ่นพ่านนอกบ้านตั้งแต่ 3 ทุ่มถึงตี 4

ให้ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ซุปเปอร์มาร์เกต ปิด 2 ทุ่มตรง

และห้ามประชาชนรวมตัวทำกิจกรรมเกิน 5 คนตลอด 24 ชั่วโมง!!

หวังว่ามาตรการนี้จะสยบวิกฤติโควิดระบาดที่ลากยาวมาถึง 3 เดือนให้สิ้นฤทธิ์ใน 2 สัปดาห์

หรืออย่างน้อย กระชากยอดผู้ป่วยโควิดให้ลดลง 2 ใน 3 หรือไม่เกิน 3,000 คนต่อวัน

“แม่ลูกจันทร์” ขอภาวนาให้คราวนี้เจ็บแล้วจบจริงๆ

แต่จะจบจริง? หรือจบไม่จริง? ต้องรอพิสูจน์อีกครั้งหลังล็อกดาวน์ครบ 14 วัน

วันที่ 25 กรกฎาคม ฉลองเทศกาลเข้าพรรษาปีนี้พอดี

ถ้ามองแง่ดี…มาตรการล็อกดาวน์คราวนี้เป็นขั้น “ซอฟต์ล็อกดาวน์” ไม่ใช่ “ฟูลล็อกดาวน์” เหมือนที่ นายกฯลุงตู่ งัดออกมาใช้ช่วงเดือนมีนาคมปีกลาย

ครั้งนั้น รัฐบาลปิดกุญแจล็อกดาวน์ทั้งประเทศ

ปิดสนามบิน ปิดด่านชายแดน ปิดห้างสรรพสินค้า ปิดศูนย์การค้า ปิดสนามกีฬา ปิดตลาดนัด ปิดร้าน อินเตอร์เน็ต ปิดร้านเสริมสวย ปิดร้านตัดผม ฯลฯ

แม้แต่ร้านตัดขนหมา เสริมสวยหมา ยังโดนปิดครบวงจร

ปีที่แล้ว รัฐบาลประกาศ “เคอร์ฟิวทั่วประเทศ” สั่งห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานยามวิกาล

สั่งยกเลิกเทศกาลสงกรานต์ ห้ามประชาชนเดินทางกลับต่างจังหวัด

และอื่นๆอีกมากมาย

รวมระยะเวลาล็อกดาวน์ 1 เดือน กับ 10 วัน

แต่ล็อกดาวน์ครั้งนี้ กินเวลาเพียง 14 วันเท่านั้นเอง

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าแม้มาตรการล็อกดาวน์ปีนี้สั้นกว่าเบากว่าปีที่แล้วก็จริง

แต่สถานการณ์โควิดปีนี้โหดกว่าปีก่อน กระดูกคนละเบอร์

พี่น้องประชาชนสะสมความเดือดร้อนแสนสาหัสมาแล้ว 18 เดือน

นายกฯลุงตู่ควรช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบความเดือดร้อนให้สอดคล้องกับความเป็นจริง!!

ปีที่แล้ว รัฐบาลจัด “โครงการเราไม่ทิ้งกัน” จ่ายชดเชยเยียวยาผู้ประกอบอาชีพอิสระและลูกจ้างตกงาน 15 ล้านคน

แจกกันเบิ้มๆเดือนละ 5,000 บาท ติดต่อกัน 3 เดือน

รับเงินอัดฉีดไปนิ่มๆ 15,000 บาทต่อคน

ครั้งนี้ รัฐบาลล็อกดาวน์เคอร์ฟิว เฉพาะ 6 จังหวัด กทม. ปริมณฑล บวก 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเวลา 14 วัน

รัฐบาลจะเปิดท่อจ่ายเยียวยามากเท่าใด…โปรดติดตามต่อไป??

แต่สิ่งที่เยียวยาไม่ได้ คือชีวิตคนไทยที่สูญเสียไป เพราะความบกพร่องผิดพลาดของรัฐบาล

จะโบ้ยให้ใครรับแทนไม่ได้เลย

ขว้างงูไม่พ้นคอซะแล้วลุง.

“แม่ลูกจันทร์”

ปฏิบัติการไทยรัฐ ฝ่าวิกฤติโควิด-19