สธ. ห่วง! 4 จุด “สมุทรสาคร-กทม.-ตาก-ใต้”/แม่สอดพบแพร่ในบ้านนับสิบ

จุดใหญ่ยังอยู่ที่สมุทรสาคร 70% กทม.ยังพบแรงงานต่างด้าวติดเชื้อไม่มีอาการ เผยที่แม่สอดพบติดเชื้อในบ้าน เป็นคนเดียวลามได้เป็นสิบและมีสิทธิ์ลามต่อชุมชน เร่งตรวจคัดกรอง ขณะทางใต้ เผย 66 รายที่มาเลย์ประสานส่งกลับ พบติดเชื้อถึง 19 ราย

เมื่อวันที่ 7 ก.พ.64 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้แถลงถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยว่า แนวโน้มสถานการณ์โลกลดลง เหมือนสถานการณ์เริ่มจะดีขึ้น แต่ยังไม่ดีขึ้นมาก สำหรับที่เมียนมา ไม่ได้มีการรายงานมาหลายวัน ที่มาเลเซียวันละ 3,000-4,000 ญี่ปุ่นยังอยู่ที่ 2,000 อินโดนีเซียหมื่นกว่าคน จึงต้องเฝ้าระวังชายแดน อย่างไรก็ตาม สำหรับการระบาดรอบนี้พบการเสียชีวิตลดลงเป็น 10 เท่าเมื่อเทียบกับรอบที่แล้ว โดยการพบการติดเชื้อจุดใหญ่ยังอยู่ที่สมุทรสาคร ประมาณ 70% และบางส่วนของกทม. ประมาณ 17-20 ราย ซึ่งคงจะตัวเลขนี้สักระยะ ในทางฝั่งตะวันตก จากผลของการตรวจคัดกรองเชิงรุก

ขณะที่ภาพรวมของประเทศจากปลายเดือนม.ค.26 จังหวัด ถึงขณะนี้พบผู้ติดเชื้อใน 4 จว. แต่พบว่าบางจุดยังคงต้องระมัดระวังภาพรวมสัปดาห์ปลายเดือนม.ค.ลดเหลือ 26 จังหวัด ถึงวันนี้เหลือ 4 จังหวัด บางจุดต้องระมัดระวัง

ทั้งนี้ ปัญหาชายแดนที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นตัวอย่างหนึ่ง พบผู้ติดเชื้อชาวเมียนมามาฝั่งแม่สอด สามารถแพร่เชื้อในครอบครัวได้เกือบ 10 ราย ในลูก ลูกสะใภ้ หลาน ซึ่งเมื่อมีคนติดเชื้อในบ้าน เสี่ยงสุดคือคนในบ้าน คนดูแล และจะกระจายไปในชุมชน ซึ่งวันนี้ได้ตรวจคัดกรองในชุมชนเป็นจำนวนมาก ต้องทำเข้มข้น โดยในอ.แม่สาย วิถีชีวิตยังต้องมีการเดินทางมีการพบปะกับชาวเมียนมา ซึ่งแม้จะน้อยลง แต่คนในพื้นที่ต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังเข้มข้น มิฉะนั้น ก็จะเจอการป่วยเป็นระยะแบบนี้

นพ.โอภาสกล่าวว่า ส่วนที่ชายแดนทางใต้ สถานการณ์ระบาดที่มาเลเซียพบป่วย 2,000-3,000 คน ทางมาเลย์ได้ผลักดันผู้ต้องขังต่างชาติกลับประเทศ ซึ่งไทยได้รับมาหลายด่าน เช่น 66 รายที่ได้รับการประสานกลับไทย มาเข้าสู่ระบบกักกันทั้งทางด่านยะลา และสตูล พบติดเชื้อ 19 คน เนื่องจากก่อนจะข้ามมาได้มีการอยู่รวมกันในห้องขังที่ฝั่งมาเลย์จึงเสี่ยงติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ลักลอบเข้ามา มาถึงด่านไทยก็จะมีระบบกักกันที่เหมาะสม

“ภาพรวมขณะนี้สถานการณ์ระบาดระลอกใหม่ ทางจังหวัดต่างคุมได้ดี สำหรับสมุทรสาครยังพบต่อเนื่องจากมาตรการเชิงรุก ซึ่งจากที่ใช้มาตรการบับเบิลแอนด์ซีล ให้ทำงานและพักที่อยู่ที่นั่นไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องปะปนชุมชน เมื่อเจ็บป่วยมีการพาไปรักษา ขณะที่มีข่าวดีตลาดกลางกุ้งน่าจะได้เปิดให้ดำเนินชีวิตได้เร็วๆ นี้ ส่วนที่จ.ตากยังพบติดเชื้อในชุมชน ยังมีการพบปะไทย-เมียนมา จึงต้องยกระดับควบคุมพื้นที่เข้มข้น ส่วนที่ กทม.ยังพบแรงงานต่างด้าวติดเชื้อไม่มีอาการ ซึ่งอาจติดเชื้อต่อคนไทยได้ ย้ำต้องใส่หน้ากาก ต้องระมัดระวัง รวมทั้งเรื่องการรวมกลุ่มรับประทานอาหารเป็นส่วนใหญ่”