วันนี้(2 ก.พ.) กระทรวงสาธารณสุขแถลงสถานการณ์โควิด19 โดยนายแพทย์เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทน ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉินกรมควบคุมโรค เปิดเผย ผลการตรวจเชื้อผู้ใช้แรงงานในโรงงานจังหวัดสมุทรสาคร จำแนกตามขนาดโรงงาน โรงงานที่พนักงานน้อยกว่า 200 คน ตรวจ3,091 คน พบผู้ติดเชื้อ 12 คน คิดเป็นร้อยละ 0.39 ขณะที่โรงงานที่พนักงานน้อยกว่า 500 คน ตรวจไปแล้ว 21,142 คน พบผู้ติดเชื้อ2,971 คน คิดเป็นร้อยละ 13.67 ตัวเลขนี้สะท้อนว่ายิ่งในโรงงานที่มีคนมากก็ยิ่งใกล้ชิดมาก ทำให้อัตราการติดเชื้อสูงเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังพบผู้ติดเชื้อในจังหวัดยะลา ชายไทยอายุ 33 ปี เป็นผู้พ้นโทษจากมาเลเซีย ที่รัฐเคดะ เขามาทางด่านวังประจัน อาชีพตัดยาง ถูกส่งรักษาตัวที่อำเภอรามัน
นายแพทย์เฉวตสรรย้ำว่า การควบคุมกำกับชายแดน เป็นสิ่งสำคัญ คนที่จะเข้ามาทางชายแดนอย่างถูกกฎหมายจะได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ควรเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ เนื่องจากจะทำให้การควบคุมโรคทำได้ยาก
นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ พูดถึงเรื่องการขึ้นทะเบียนวัคซีนในไทย ที่ถือเป็นการขึ้นทะเบียนเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน แต่ไม่ได้ลดทอนการตรวจสอบความปลอดภัยแต่อย่างใด
โดยเป้าหมายหลักของไทยคือต้องการลดอัตราการเจ็บป่วย ลดอัตราการตาย ลดติดเชื้อ หากไทยเริ่มฉีดวัคซีน อาจเห็นผลได้ช้า เนื่องจากมีมาตรการป้องกันอื่น แต่ยังมีความจำเป็นจะต้องฉีด ส่วนผลข้างเคียงนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัว ที่ส่วนใหญ่มักจะเกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน แต่ผลข้างเคียงที่รุนแรงนั้นถือว่าพบได้น้อยว่า แต่ในกรณีที่ฉีดแล้วเกิดความสูญเสีย หรือเกิดผลข้างเคียงรุนแรง แล้วพิสูจน์ได้ว่ามาจากวัคซีน รัฐต้องจ่ายค่าชดเชย
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์ทวี ย้ำว่า กว่าวัคซีนจะผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย. นั้นต้องผ่านนักวิชาการหลายคน มีระบบในการตรวจสอบความปลอดภัย ซึ่งคาดว่าหากวัคซีนเข้าประเทศแล้ว จะใช้เวลาในการทดสอบตามกระบวนการเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ทั้งนี้ข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจของประชาชน เนื่องจากการจะฉีควัคซีนต้องอาศัยความสมัครใจของแต่ละบุคคล