โควิดยังติดเกิน 2.5 หมื่นราย ดับสูง 80 ราย พบทารก 2 เดือนเสียชีวิตอีกราย ภาพรวม 61 จังหวัดยังติดเชื้อสูงเกินร้อยราย
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด 19 ประจำวันว่า ประเทศไทยยังพบผู้ติดเชื้อใหม่เกินหมื่นรายเป็นวันที่ 47 ในการระบาดระลอกโอมิครอน โดยวันนี้พบติดเชื้อรายใหม่ 25,164 ราย สะสม 3,423,956 ราย หายป่วย 24,770 ราย สะสม 3,162,331 ราย เสียชีวิต 80 ราย สะสม 24,497 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 237,128 ราย อยู่ใน รพ. 63,396 ราย อยู่ รพ.สนาม HI CI 173,732 ราย มีอาการหนัก 1,496 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 562 ราย อัตราครองเตียงสีเหลืองสีแดงอยู่ที่ 26.1%
ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิต 80 ราย มาจาก 39 จังหวัด ได้แก่ กทม. 12 ราย , ปทุมธานี 5 ราย , ยะลา 4 ราย , เพชรบุรี เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี ชลบุรี ลพบุรี จังหวัดละ 3 ราย , สมุทรสาคร สมุทรปราการ ขอนแก่น มหาสาคาม หนองคาย พิจิตร ระนอง ภูเก็ต นครสวรรค์ สระบุรี ราชบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว จังหวัดละ 2 ราย และ นครปฐม สุรินทร์ บุรีรัมย์ หนองบัวลำภู อุดรธานี กาฬสินธุ์ สุโขทัย นครศรีธรรมราช ตรัง สงขลา นราธิวาส ปัตตานี นครนายก ตราด ชัยนาท สิงห์บุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 42 ราย หญิง 38 ราย อายุ 2 เดือน – 95 ปี เฉลี่ย 72 ปี โดยเป็นผู้สูงอายุและโรคประจำตัวรวม 93%
ส่วน 10 จังหวัดที่มีรายงานติดเชื้อรายใหม่สูงสุดคือ 1.กทม. 3,378 ราย 2.ชลบุรี 1,434 ราย 3.นครศรีธรรมราช 1,188 ราย 4.สมุทรปราการ 869 ราย 5.สมุทรสาคร 732 ราย 6.สงขลา 700 ราย 7.นนทบุรี 646 ราย 8.ฉะเชิงเทรา 605 ราย 9.ราชบุรี 575 ราย และ 10.บุรีรัมย์ 547 ราย
สำหรับจังหวัดติดเชื้อถึง 100 รายขึ้นไปยังมีอีก 51 จังหวัด คือ ขอนแก่น 504 ราย , สุพรรณบุรี 499 ราย , นครปฐม 486 ราย , นครราชสีมา 453 ราย , ร้อยเอ็ด 452 ราย , ระยอง 449 ราย , เชียงใหม่ 443 ราย , เพชรบุรี 373 ราย , ศรีสะเกษ 368 ราย , พระนครศรีอยุธยา 356 ราย , สุรินทร์ 346 ราย , พัทลุง 330 ราย , จันทบุรี 328 ราย , นครสวรรค์ 319 ราย , มหาสารคาม 314 ราย , อุดรธานี 314 ราย , ปราจีนบุรี 313 ราย , สตูล 299 ราย , ปทุมธานี 296 ราย , ภูเก็ต 296 ราย , สระแก้ว 295 ราย , ประจวบคีรีขันธ์ 276 ราย , อุบลราชธานี 270 ราย , สมุทรสงคราม 267 ราย , กาญจนบุรี 250 ราย , กาฬสินธุ์ 250 ราย , ตาก 233 ราย , ระนอง 213 ราย , ชุมพร 212 ราย , สุราษฎร์ธานี 208 ราย , ชัยภูมิ 205 ราย
สุโขทัย 196 ราย , หนองคาย 191 ราย , ลำปาง 185 ราย , นครนายก 184 ราย , น่าน 177 ราย , พิษณุโลก 172 ราย , อุตรดิตถ์ 166 ราย , ตราด 164 ราย , กำแพงเพชร 154 ราย , ยโสธร 150 ราย , ปัตตานี 145 ราย , เพชรบูรณ์ 141 ราย , ยะลา 138 ราย , เลย 137 ราย , อ่างทอง 131 ราย , สกลนคร 126 ราย , บึงกาฬ 125 ราย , สระบุรี 125 ราย , นราธิวาส 122 ราย และตรัง 108 ราย ทั้งนี้ มีจังหวัดติดเชื้อหลักหน่วยมีจังหวัดเดียว คือ ลำพูน 3 ราย
ส่วนการติดเชื้อมาจากเรือนจำพบ 43 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 48 ราย ใน 18 ประเทศ โดยมาจากตุรกีมากที่สุด 17 ราย , สิงคโปร์ เยอรมนี ประเทศละ 4 ราย ที่เหลือติดเชื้อประเทศละ 1-3 ราย โดยเข้าระบบ Test&Go 15 ราย แซนด์บ็อกซ์ 3 ราย ระบบกักตัว 30 ราย สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 1-22 มี.ค. 2565 จำนวน 187,487 ราย รายงานติดเชื้อ 1,249 ราย คิดเป็น 0.67% แบ่งเป็นระบบ Test&Go 166,534 ราย ติดเชื้อ 814 ราย คิดเป็น 0.49% แซนด์บ็อกซ์ 17,857 ราย ติดเชื้อ 342 ราย คิดเป็น 1.92% และกักตัว 3,096 ราย ติดเชื้อ 93 ราย คิดเป็น 3%
การฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 22 มี.ค. ฉีดได้ 169,542 โดส สะสมรวม 127,658,569 โดส เป็นเข็มแรก 54,972,110 ราย คิดเป็น 79% ของประชากร เข็มสอง 50,143,878 ราย คิดเป็น 72.1% ของประชากร และเข็มสาม 22,542,581 ราย คิดเป็น 32.4% ของประชากร