22 ส.ค.64 – นายประยูรสิทธิ์ คณานุรักษ์ ประชาสัมพันธ์คณะกรรมการเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา ศจ.ภญ.ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ มูลนิธิกฤษณา ไกรสินธุ์ ได้ลงพื้นที่หมู่ 5 ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพื่อสำรวจพื้นที่ปลูกพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ที่จะนำใบมาใช้ผลิตเป็นยาสมุนไพร ทั้งนี้เพราะดินและสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จ.ปัตตานี ยะลา และ จ.นราธิวาส มีความเหมาะสมในการปลูกฟ้าทะลายโจร เพราะจะได้ใบฟ้าทะลายโจรคุณภาพมาตรฐานคุณค่าสูงมากที่จะใช้แปรรูปผลิตยา
นายประยูรสิทธิ์ กล่าวอีกว่า โดยการปลูกฟ้าทะลายโจรในระบบเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษห้ามใช้สารเคมี ทั้งนี้ระยะเวลาการปลูก 3 เดือน จะเก็บได้ 1 รอบ โดยทางมูลนิธิกฤษณา ไกรสินธุ์ จะเป็นผู้มอบต้นพันธุ์ให้กับเกษตรกรในการปลูก ทางมูลนิธิก็จะรับซื้อผลผลิตโดยเป็นฟ้าทะลายโจรใบแห้งในราคา 290 บาท / กก. โดยฟ้าทะลายโจรใบสดขนาด 10 กก.จะได้ฟ้าทะลายโจรใบแห้งเท่ากับ 1 กก. โดยมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจะแนะ (รพ.สต.) อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เป็นศูนย์กลางในการผลิตยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร จะเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ที่ดี
นายประยูรสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการทางมูลนิธิกฤษณา ไกรสินธุ์ ได้ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) โดยได้ดำเนินมาก่อนระยะหนึ่งแล้ว ก่อนที่จะเกิดโรคระบาดโควิด 19 แต่ยังอยู่ของระยะเวลาโครงการนำร่องสำหรับขณะนี้ในส่วนของชาวสวนยางพารา ก็พร้อมที่จะปลูกในสวนยางพาราอยู่แล้ว และปัจจุบันสวนยางพาราทั่วประเทศจำนวนกว่า 20 ล้านไร่ แต่ชาวสวนยางพารายังขาดความเชื่อมั่นว่าเมื่อมีการปลูกพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจรแล้วองค์กรใด กลุ่มใด ฯลฯ ที่จะรับซื้อ แปรรูปผลิตฟ้าทะลายโจร การตลาดต้องนำ แล้วจะเป็นหลักประกันที่จะสร้างความเชื่อมั่น
นายประยูรสิทธิ์ ระบุว่า ชาวสนยางพาราพร้อมที่จะปลูกได้ และปลูกแซมในร่องอกสวนยางพารา แต่ทั้งนี้จะไม่สามารถปลูกได้ทั่วไปทั้งหมด เพราะต้องขึ้นอยู่กับสภาพพื้นดินและสภาพภูมิอากาศเป็นหลักสำคัญ จะเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญอีกตัวหนึ่งที่จะสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชน และประเทศ ขณะนี้ประเทศไทย มีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตัวที่สามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาล ทั้งกัญชา กระท่อม กระชาย และฟ้าทะลายโจร ที่จะพืชสมุนไพรเป็นองค์ประกอบกับยารักษาโรคอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือประชาชนชาชาวไทย ภาครัฐพร้อมดำเนินการเพราะจะเป็นการสร้างงานสร้างรายได้อย่างมหาศาล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่จะต้องเปิดกว้าง พืชทั้ง 4 ตัว กัญชา กระท่อม กระชาย ฟ้าทะลายโจรเกี่ยวข้องกับการเยียวยารักษาโรค โดยเฉพาะจะเกี่ยวข้องกับการรักษาป้องกันโรคโควิด- 19 ด้วยที่กำลังวิกฤติอยู่ในขณะนี้ และขณะนี้ฟ้าทะลายโจรก็กำลังขาดแคลน
ด้านนายหร้อหมาน บุญคง รองประธานกลุ่มหมอพื้นบ้านระดับอำเภอ จ.พัทลุง กล่าวว่า กลุ่มหมอพื้นบ้านจังหวัดพัทลุง ที่ขึ้นทะเบียนกับทางการประมาณ 40 คน ได้มีการออกมาสนับสนุนช่วยเหลือผู้ที่ต้องการที่จะใช้พืชสมุนไพรเพื่อป้องกันดูแลรักษาสุขภาพและป้องกันโควิด -19โดยในกลุ่มขณะนี้ได้ระดมทีมเพื่อออกค้นหาฟ้าทะลายโจรที่งอกขึ้นตามธรรมชาติตามพื้นที่ต่าง ๆ ใน จ.พัทลุง ซึ่งขาดแคลนแคลนและหาอยากมาก โดยกว่าจะหาได้ประมาณ 1 กระสอบปุ๋ยจะต้องใช้ระยะเวลามาก
นายหร้อหมาน กล่าวว่า โดยฟ้าทะลายโจรสดนำมาหั่นตากแห้งแล้วเข้าขบวนการบด พร้อมกับพืชสมุนไพรตัวอื่นอีก 2 ตัว เป็นตัวยาสมุนไพรองค์ประกอบ เช่น เกี่ยวกับโรคปอด ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อนำมาแปรรูปผลิตเป็นยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรป้องกันรักษาโควิด -19 นอกจากฟ้าทะลายโจรจะหายากแล้ว ขณะนี้แคปซูลเพื่อบรรจุฟ้าทะลายโจร ค่อนข้างจะแคลนหาซื้อไม่ได้ทั้งขนาดเบอร์ 1 และ เบอร์ 2 สั่งหาซื้อกันทุกร้านก็ไม่สินค้า และราคาแคมปซูลก็ขยับขึ้นจากราคา 140 – 160 บาท ขยับขึ้นมาเป็น 240 บาท / 1.000 ชิ้น สำหรับในกลุ่มหมอพื้นบ้าน จ.พัทลุง มีการจำหน่ายให้กับชาวบ้านในพื้นที่ราคาประมาณ 2 บาท / เม็ด และหากขายภายนอกพื้นที่ประมาณ 3 บาท / เม็ด โดยขณะนี้ต้องแพคใส่กระปุก ตามคำสั่งซื้อ.