ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าทุกสาย BTS รถเมล์ ปรับเปลี่ยนเวลาให้บริการใหม่รับเคอร์ฟิว
วันที่ 11 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้มีมติจำกัดเวลาให้บริการของระบบขนส่งสาธารณะ โดยหยุดให้บริการ ในช่วงเวลา 21.00-04.00 น. ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา
เหล่าผู้ให้บริการรถไฟฟ้าได้ออกมาตรการและปรับเปลี่ยนเวลาให้บริการใหม่ทุกสายทาง
ม่วง-น้ำเงิน ขานรับเริ่ม 5.30-21.00
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รฟม. และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า MRT ปรับการเปิดปิดใหม่โดยตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป
โดยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เวลา 06.00-21.00 น. และรถไฟฟ้าสายสีม่วง เวลา 05.30-21.00 น. (รถไฟขบวนสุดท้ายถึงสถานีปลายทางเวลา 21.00 น.) จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
BTS-สายสีทอง รับลูก 6.00-21.00
ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) กล่าวว่า บริษัทจึงขอปรับเวลาปิดให้บริการ รถไฟฟ้าบีทีเอสในทุกสถานี ทั้งสายสุขุมวิท ช่วงเคหะสมุทรปราการ-คูคต และสายสีลม ช่วงสนามกีฬาแห่งชาติ-บางหว้า และรถไฟฟ้าสายสีทองช่วงกรุงธนบุรี-คลองสาน ซึ่งผู้โดยสารเข้าระบบรถไฟฟ้าก่อน 21.00 น. จะมีรถไฟฟ้าส่งถึงปลายทางทุกสถานี ส่วนเวลาเปิดบริการยังเป็น 6.00 น.ตามเดิม
แอร์พอร์ตลิงก์ ไม่พลาดปรับเวลาให้บริการ
นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) กล่าวว่า ได้เปลี่ยนแปลงเวลาให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ช่วงพญาไท-สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นเวลา 05.30-21.00 น. ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป โดยรถไฟฟ้าขบวนสุดท้ายจะออกจากสถานีต้นทางคือ สถานีพญาไท และสถานีสุวรรณภูมิ เวลา 20.30 น. และจะถึงสถานีปลายทางเวลา 21.00 น.
ขสมก.ย้ำ 05.00-21.00
ปิดท้ายที่รถเมล์ นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ในส่วนของรถเมล์ ขสมก.ได้ปรับเวลาเดินรถใหม่เช่นกัน
โดยเวลาให้บริการ คือเวลา 05.00-21.00 น. (21.00 น. คือเวลาที่รถโดยสารกลับถึงอู่จอดรถ) เริ่มตั้งแต่วันที่ 12-25 กรกฎาคม 2564 โดยเพิ่มความถี่ในการปล่อยรถ ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า (05.00-08.00 น.) และช่วงเวลาเร่งด่วนเย็นถึงเวลาก่อนรถโดยสารหยุดให้บริการ (16.00-21.00 น.) ให้มีระยะห่างกันไม่เกิน 5-10 นาที
เตือน คันสุดท้ายออกจากอู่ 2 ทุ่ม
ซึ่งการปล่อยรถคันสุดท้ายของทุกสายทาง จะออกจากท่าปลายทางประมาณ 20.00 น. เพื่อให้พนักงานสามารถนำรถกลับเข้าอู่จอดรถได้ทันเวลา 21.00 น. โดยปรับเพิ่มความถี่ในช่วงการปล่อยรถ 3 คันสุดท้าย ให้มีระยะห่างกัน 5-10 นาที ซึ่งรถโดยสาร 3 คันสุดท้าย จะติดป้ายข้อความบ่งชี้ บริเวณหน้ารถโดยสาร ดังนี้คือ เหลือรถ 2 คันสุดท้าย, เหลือรถ 1 คันสุดท้าย และรถคันสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายทุกหน่วยงานยังคงขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T อย่างเคร่งครัด ได้แก่ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลภายในขบวนรถและสถานี (D : Distancing) , สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ใช้บริการรถไฟฟ้า (M : Mask Wearing), ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทั้งก่อนและหลังเข้าใช้บริการ (H : Hand Washing), ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าใช้บริการ (T : Testing) และสแกน QR Code ไทยชนะ เพื่อการตรวจสอบโรค (T : Thai Cha Na)