ปลัด มท. ชี้ ทุกหน่วยงานระดมกวาดล้างอย่างหนัก เร่งตัดวงจรยาเสพติดให้สิ้นซาก กางผลงานทำงาน 6 จังหวัด พร้อมเชิญชวนประชาชนแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
16 ต.ค.2565 – นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ป.ป.ส. หน่วยทหาร และภาคีเครือข่าย ดำเนินการประกาศสงครามกับยาเสพติดด้วยการระดมสรรพกำลังทุกหน่วยงานเข้ากวาดล้างยาเสพติด ทั้งมิติการป้องกัน มิติการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิด และมิติการบำบัดรักษาผู้ติดผู้เสพยาเสพติด โดยมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ ทำให้ปัญหายาเสพติดหมดไปจากสังคมไทยอย่างสิ้นซากโดยแท้จริงและยั่งยืน ด้วยการประสานงานบูรณาการความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยในระดับพื้นที่มี ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ เป็นแม่ทัพคนสำคัญในการนำเหล่าขุนศึก นั่นคือ ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ ทุกหน่วยงานลงไปจัดการกับปัญหาดังกล่าว
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในวันนี้ ได้รับรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และภาคีเครือข่ายหน่วยงานด้านความมั่นคงเกี่ยวกับผลการดำเนินการกวาดล้างการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งพบว่า ทุกพื้นที่ได้ระดมกำลังกวาดล้างอย่างเข้มข้น และจับกุมทุกราย ไม่มีละเว้น อาทิ
1. จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อยป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ชป.พิเศษฯ) บูรณาการร่วมกับกองทัพภาค 4 ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดคดียาเสพติด 4 ราย ยึดยาบ้า 62,837 เม็ด ไอซ์ น้ำหนัก 20.2 กรัม เครื่องชั่งไอซ์ 3 เครื่อง และรถเก๋ง 1 คัน โดยหนึ่งในนั้นสามารถจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ คือ นายวีระพันธ์ หรือบังบ่าว อายุ 42 ปี อยู่ ต.คลองใหญ่ อ.ตะโหมด จ.พัทลุง ของกลางยาบ้า 60,000 เม็ดกับรถเก๋ง 1 คัน จับกุมได้ในพื้นที่ อ.ตะโหมด จ.พัทลุง ซึ่งเป็นการขยายผลผู้ถูกจับก่อนหน้านี้ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นเครือข่ายของนายยุ่ง นักค้ายาเสพติดรายสำคัญที่คาดว่าน่าจะหลบหนีไปอาศัยอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านทางภาคเหนือ ซึ่ง ผวจ.สุราษฎร์ธานี ได้มอบให้เจ้าหน้าที่ ชป.พิเศษฯ จ.สุราษฎร์ธานี ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป
2. จังหวัดภูเก็ต ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง ภายใต้การอำนวยการของนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นำโดย นายจิระเดช บุรารักษ์ และนายธงไชย รัตนเดช ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดภูเก็ต นำกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) เข้าตรวจค้นจับกุมนายศศิพงษ์ หรือนายต้น อายุ 36 ปี และนายปกรณ์ หรือ นายหนุ่ย อายุ 42 ปี ได้ที่บ้านเลขที่ 49/1847 (ซอยกิ่งแก้ว 1/11) หมู่ที่ 3 ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) น้ำหนักรวมถุงบรรจุประมาณ 0.55 กรัม และน้ำหนักรวมถุงบรรจุประมาณ 0.52 กรัม (ของกลางที่ได้จากการล่อซื้อ) และสามารถตรวจค้นพบน้ำหนักรวมถุงบรรจุประมาณ 1.60 กรัม และ 0.94 กรัม รวมทั้งพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ชนิดเม็ด สีส้ม 17 เม็ด ธนบัตรรัฐบาลไทย ฉบับละ 100 บาท 4 ฉบับ ถุงพลาสติกใสชนิดดึงเปิดกดปิด ขนาดประมาณ 4×6 ซม. 60 ถุงอุปกรณ์การเสพยาไอซ์ ไฟแช็กที่ได้รับการปรับแต่ง (ไฟลอย) สีเขียวใส 1 ชุด โทรศัพท์มือถือ Huawei สีดำ และ Oppo สีชมพู อย่างละ 1 เครื่อง ซึ่งได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
3) จังหวัดสกลนคร ภายใต้การอำนวยการของ นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ได้บูรณาการร่วมกับพลตำรวจตรี สรรธาน อินทรจักร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร สั่งการให้ พันตำรวจเอก พยุงศักดิ์ นามวรรณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร พันตำรวจเอก เสกสรร สุขประเสริฐ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร รักษาการผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองสกลนคร พร้อมชุดสืบสวน สามารถวางแผนล่อซื้อและเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายประกาส ในพื้นที่ ม.3 ต.เชียงเครือ อ.เมืองสกลนคร โดยได้พบของกลางยาเสพติดพร้อมอาวุธ โดยได้ทำการล่อซื้อยาบ้า 1,000 เม็ด เป็นเงิน 10,000 บาท และตรวจค้นบ้านพบของกลางยาบ้า จำนวน 200 ถุง ซุกซ่อนไว้ในลำโพงรวมของกลางทั้งสิ้น 7,962 เม็ด อาวุธปืน BB GUN 1 กระบอก เครื่องกระสุนขนาด .22 จำนวน 6 นัด ขนาด 9 มม. จำนวน 2 นัด ขนาด .380 จำนวน 1 นัด และกระสุนแบงค์ 13 นัด รถยนต์ยี่ห้ออีซูซุสีดำ 1 คัน จึงนำตัวผู้ต้องหามาสอบสวนขยายผล และตรวจปัสสาวะพบมีผลสีม่วง โดยแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหารับทราบว่าร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อค้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย พร้อมมีเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
4) จังหวัดยะลา ภายใต้การอำนวยการของ นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้บูรณาการร่วมกับพันตำรวจโท อรรถพล จินตาคม ผู้บังคับการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 445 หลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าที่บ้านแห่งหนึ่ง ถ.ประชาอุทิศ ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา มีการลักลอบจำหน่ายยาบ้าให้กับกลุ่มวัยรุ่นในเขตเทศบาลเมืองเบตง จึงได้บูรณาการฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยตำรวจตระเวนชายแดน วางแผนเข้าตรวจค้นจับกุม พบว่าบ้านดังกล่าวเป็นบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ มีรั้วกำแพงปูนรอบบ้าน ตรวจพบนายชยพล อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นบุคคลที่เคยถูกจับกุมเกี่ยวกับคดียาเสพติดหลายครั้งแล้ว อยู่ภายในบ้าน มีสภาพมึนเมา พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง วกไปวนมา และจากการตรวจค้น ได้พบยาบ้า 9 ถุง จำนวน 89 เม็ด อุปกรณ์การเสพยาบ้า วางอยู่บนโต๊ะภายในห้องนอน จึงนำตัวมาสอบปากคำและทำบันทึกจับกุม
ซึ่งได้รับสารภาพ โดยให้การว่า เคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมมา 3 ครั้งแล้ว ทั้งโดนจับกัญชา น้ำกระท่อม ใบกระท่อม รวมถึงวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท อัลฟาโซแลม ยาบ้าที่ถูกจับกุม ซื้อมาจากคนรู้จัก 2 ถุง (400 เม็ด) ในราคา 10,000 บาท แล้วนำมาขายให้วัยรุ่นในราคา เม็ดละ 70 บาท เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหามีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย พร้อมทั้งนำตัวและของกลางส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเบตง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
5) จังหวัดหนองบัวลำภู ภายใต้การอำนวยการของ นายสุวิทย์ จันทร์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู มอบหมายให้ นายประยูร อรัญรุท นายอำเภอเมืองหนองบัวลำภู ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการอำเภอนำร่อง”บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” แบบบูรณาการและสร้างนักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นำการเปลี่ยนแปลง เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย เพื่อไม่ให้ยาเสพติดส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนในการดำรงชีวิตโดยปกติของประชาชน โดยได้มอบหมายให้ชุดปฏิบัติการพิเศษอำเภอเมืองหนองบัวลำภู นำโดย นายอนุชา ภู่เปี่ยมศักดิ์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง นำกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ
ลงพื้นที่จับกุมผู้กระทำผิดปัญหายาเสพติดตามเบาะแสที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน และข้อมูลที่ได้จากการสืบทราบหาข่าว ซึ่งสามารถจับกุม นายสมบัติ อายุ 47 ปี ในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่งโดยผิดกฎหมายและมียาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่งไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายพร้อมด้วยยาเสพติด(ยาบ้า) จำนวน 38 เม็ด และได้ทำบันทึกจับกุมส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งสามารถควบคุมตัวชาย จำนวน 5 ราย ในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่ง (ยาบ้า) จึงได้ทำการบันทึกพร้อมทั้งตรวจปัสสาวะและส่งศูนย์คัดกรองที่โรงพยาบาลหนองบัวลำภูเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดต่อไป โดยได้ทำการพูดคุยทำความเข้าใจเพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดฯ การประกอบอาชีพ ซึ่งทุกคนยินยอมที่จะเข้าสู่กระบวนการบำบัดฯ และเลิกไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีก
6) จังหวัดนครพนม ภายใต้การอำนวยการของ นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้มอบหมายให้ ว่าที่ร้อยตรี เอกวัฒนา คงคาน้อย นายอำเภอปลาปาก พร้อมด้วย นายคณินทร์ ผมงาม ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง นำกำลังสมาชิก อส.อ.ปลาปาก ที่ 11 ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ปลาปาก นำหมายค้นศาลจังหวัดนครพนม ที่ ค.268/2565 ลง 12 ต.ค.2565 ตรวจค้นบ้านเป้าหมายและจับกุมผู้ต้องหาตาม “ยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง”
โดยสามารถจับกุมนายเพลิง อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/1 หมู่ 6 ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยไม่ได้รับอนุญาต พบยาบ้าเม็ดสีส้มแดง 12 เม็ด และเม็ดสีเขียว 1 เม็ด และมีอาวุธปืนแก๊ปสั้นแบบไทยประดิษฐ์ไม่ทราบขนาด จำนวน 1 กระบอก ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปลาปาก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ยังได้นำหมายค้นศาลจังหวัดนครพนม ที่ ค.269/2565 ลง 12 ต.ค.2565 ตรวจค้นบ้านเป้าหมายและจับกุมผู้ต้องหา คือ นายครรชิต อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167 หมู่ 1 ต.โคกสูง อ.ปลาปาก จ.นครพนม ในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยไม่ได้รับอนุญาต พบยาบ้าเม็ดสีส้มแดง 70 เม็ด และเม็ดสีเขียว 1 เม็ด จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปลาปาก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทย มีนโยบายที่ชัดเจนในการกวาดล้างการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ด้วยการทำสงครามกับยาเสพติดอย่างไม่ละลดความพยายาม ด้วยทุกกลไก ทุกองคาพยพในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นผู้กระทำความผิดรายเล็ก รายใหญ่ พบของกลางจำนวนมากน้อยเพียงใดจับกุมทุกราย เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
“ ซึ่งตัวอย่างข้างต้นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ในทุกพื้นที่ ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร และทุกหน่วยงาน ระดมกวาดล้างและดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ดังนั้น พี่น้องประชาชนที่พบเห็นหรือมีเบาะแส สามารถแจ้งมายังสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ประเทศไทยปลอดยาเสพติด ทำให้ลูกหลานคนไทยเรามีแต่สังคมที่สดใส สิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ ระบุ.